วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

How to Photoshop : ปรับแสง หน้าใสปิ้งๆ

เอาล่ะ มาเริ่มฮาวทูกันเลยดีกว่า~~~~

เราจะสอนแต่งรูปให้ออกมาเป็นแบบนี้!

ภาพสว่าง + หน้าใส =[]=b (ค่อนข้างลวงโลก กร๊ากกก)

ก่อนอื่น จะใช้photoshopรุ่นไหนก็ได้ เราคาดว่าออฟชั่นพวกนี้คงจะมีเหมือนๆกันทุกรุ่น = =//

อนึ่ง ของเราใช้ CS2 =w="

1.เปิดภาพที่จะแต่งขึ้นมา

(หน้าเหี่ยวๆ ในห้องที่แสงน้อยๆ =x=)

2. มาปรับแสงภาพกันก่อน เลือก Image > Adjustments > Curves

3. ลากเส้นเคิฟของฝั่งแสงให้สูงขึ้น แล้วลากเส้นเคิฟที่เป็นจุดเริ่มต้นของฝั่งเงาให้เข้ามา(ห่างจากขอบ)

*ลากฝั่งเงาเพราะต้องการเพิ่มความคมชัดให้รูป = =/*

สามารถดูแสงในภาพได้เลย มันจะขึ้นพรีวิวให้ที่ภาพจริง พอใจแล้วกด OK

4. สำหรับคนที่มีผิวเหลืองเกิน แดงเกิน ดำเกิน มืดเกิน! ให้เลือก Image > Adjustments >Selective Color

มันจะสามารถปรับค่าสีแต่ละสีได้ โดยเลือกสีเมนก่อนที่ตรงนี้..

ใครเหลืองเกินก็เลือกเหลือง แดงเกินเลือกแดง (สำหรับเรา.. เหลือง = =")

5.ปรับลดค่าสีตามใจชอบ ลองเลื่อนไปเลื่อนมาจนได้ตามต้องการแล้วเลือก OK

6. ก็อปปี้เลเยอร์ต้นฉบับขึ้นมาอีก1เลเยอร์ (ลากเลเยอร์ต้นฉบับไปตรงนิวเลเยอร์)

7.คลิกเลือกเลเยอร์ที่ก๊อปปี้มา เลือก Filter > Blur> Surface Blur

8.ปรับค่าให้เบลอแบบสุดๆไปเลยก็ได้ คือเอาให้ผิวเนียน = =// แล้วกด OK

โดยปกติแล้ว เครื่องมีนี้สร้างมาเพื่อให้เบลอเฉพาะส่วนที่เป็นพื้นผิว จะเว้นตรงส่วนที่เป็นเส้นเอาไว้

แต่ว่าสำหรับเราแล้วมันยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ เลยต้องมีขั้นตอนอื่นๆมาเสริม = =+

9. ปรับค่า Opacity ของเลเยอร์ที่ทำการเบลอไว้ที่ประมาณ +/- 50%

10.ลบบ่งส่วนของภาพ(เลเยอร์ที่เบลอ)ที่เราต้องการความคมชัดออก เช่น เส้นริมฝีปาก เส้นกรอบหน้า และบริเวณอื่นนอกจากผิืวหน้า แบล็กกราวน์ บลาๆ

11. รวมเลเยอร์ เลือกปุ่มลูกศรเล็กๆที่ชี้ไปทางขวา > Merge Visible

12. ถ้าต้องการให้ภาพดูปิ้งๆ(?) นุ่มนวลขึ้น ก๊อปปี้เลเยอร์ที่รวมไปแล้วอีกครั้ง เลือกลเยอร์ที่ก๊อปปี้ขึ้นมาใหม่ เลือก Filter > Other > Hight Pass

13.ปรับค่าให้เส้นปรากฏขึ้นมา รายละเอียดส่วนอื่นๆจะเป็นสีเทา (ตามรูป)

14. ปรับโหมดเลเยอร์ให้เป็นโหมด Soft Light

15. จากนั้นทำการรวมเลเยอร์อีกที แล้วเซฟก็รูปเป็นอันเสร็จพิธี = =//

***เสริมเล็กน้อย ถ้าต้องการเพิ่มความคนชัดให้ภาพ หลังจากที่ใช้คำสั่ง Hight Pass แล้ว ให้ปรับโหมดเป็น Hard Light แทน ก็จะไ้ด้รูปที่คมชัดขึ้น!! = =// ***

เสร็จแล้ว~!! มาเทียบรูปก่อน-หลังแต่งกัน~

เครดิต BY akumichan

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

เปลี่ยนพื้นหลังหน้าจอให้เป็น Slide Show บน Windows 7

สำหรับใครที่เป็นคนที่เบื่อง่าย ชอบเปลี่ยนพื้นหลังหน้าจอ (Desktop Background) กันเป็นว่าเล่นแล้ว ใน Windows 7 ก็มีลูกเล่นเท่ๆมาให้ใช้กันอีกแล้ว นั้นก็คือ คุณสามารถเลือกรูปของคุณมาทำ Background และก็เป็นแบบ Slide Show ไปพร้อมๆกันเลยทีเดียว

ขั้นตอนการเปลี่ยนพื้นหลังหน้าจอให้เป็น Slide Show

1. เครื่องคุณต้องลง windows 7 นะครับ

2. คลิกขวาบนหน้าจอว่างๆ เลือก Gadgets (หรือไปที่ Control Panel > Appearance and Personalization > Personalization)

3. เลือก Theme รูปตามต้องการ ถ้ายังไม่ถูกใจสามารถคลิก Get more themes online เพื่อไปโหลด Theme เพิ่มจากเว็บของ Microsoft

4. คุณสามารถตั้งค่าของ Slide ได้โดยคลิกที่เมนูด้านล่าง Desktop Background Slide Show แล้วเลือกรูปที่ต้องการให้แสดง การจัดวางรูป หรือ เวลาที่ต้องการให้เปลี่ยนรูป หรือ Shuffle แล้วคลิก Save Changes

5. เพียงเท่านี้ ก็ได้พื้นหลังเป็นแบบ slide show ตามต้องการ




เครดิต : www.arip.co.th

เทคนิคใช้ Windows Search ค้นหาไฟล์แบบสายฟ้าแลบ!!!

เว็บไซต์ arip มีทิปง่ายๆ มาฝาก โดยเเฉพาะผู้ที่ใช้ช่องค้นหา (Search box) ในเมนู Start ของ Windows ซึ่งเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ผมเชื่อว่า หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า มันทำได้ ที่สำคัญมันช่วยให้คุณสามารถค้นหาไฟล์ หรือโปรแกรมที่ต้องการได้เร็วกกว่าเดิม ทำอย่างไรไปดูกันครับ

ปกติช่อง Search ในเมนู Start ของ Windows จะสามารถค้นหาไฟล์ หรือโปรแกรมทีตรงกันจากตัวอักษรที่คุณพิมพ์เพิ่มเข้าไปทีละตัว สมมติว่า คุณต้องการหาโปรแกรม "Windows Media Player" คุณก็จะค่อย พิมพ์ชื่อนี้เข้าไปในช่องค้นหา ด้วยการพิมพ์ตัวอักษรเข้าไปทีละตัวเรียงตามกันไป ซึ่งรายชื่อไฟล์ หรือโปรแกรมที่มีชุดตัวอักษรเรียงตามชื่อที่พิมพ์เข้าไปก็จะปรากฎปรับ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนถึงชื่อไฟล์ หรือโปรแกรมที่ใช่

จาก ตัวอย่างข้างต้นคุณต้องพิมพ์ Windows... ก็ 7 ตัวเข้าไปแล้ว สำหรับทิปนี้จะช่วยให้คุณพบไฟล์ หรือโปรแกรมทีต้องการเร็วขึ้น โดยแทนที่จะพิมพ์ชื่อตามตัวอักษรดังกล่าว ให้คุณพิมพ์เฉพาะตัวอักษรตัวแรกของชื่อโปรแกรมเท่านั้น ตัวอย่างในที่นี้ก็พิมพ์แค่ w m p (Windows Media Player) เพียงแค่รายชื่อโปรแกรมที่ได้จากการ Search ด้วยคีย์เวิร์ดดังกล่าวก็จะโผล่ Windows Media Player ขึ้นมาให้ทันที พิมพ์แค่ 3 ตัวเอง แล้วถ้าผมพิมพ์ในช่อง Search ว่า m o w ล่ะ? ใช่แล้วครับ Microsoft Office Word นั่นเอง หวังว่า ทิปง่ายๆ อย่างนี้คงจะถูกใจคุณผู้อ่านนะครับ

เครดิต : www.arip.co.th

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

การเลือกซื้อ จอ LCD ให้คุ้มค่ามากที่สุด

ถ้าคุณมีงบประมาณเหลือเฟือก็คงไม่ใช่ปัญหา แต่สำหรับผู้ที่ต้องการให้ทุกบาททุกสตางค์คุ้มค่ามากที่สุด นอกจากรสนิยมส่วนตัวแล้ว 10 วิธีพื้นฐานนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังกับจอ LCD ซื้อมาเลย





1. ข้อดีและข้อเสียของจอภาพ LCD

จอภาพ LCD นั้นไม่ได้มีคุณสมบัติที่สมบูรณ์แบบในตัวเอง และในบางเรื่อง
ก็ด้อยกว่าจอภาพแบบ CRT ด้วยซ้ำ ดังนั้นคุณต้องทำความเข้าใจและถามตัวเองก่อนว่าต้องการข้อดีและยอมรับกับข้อจำกัด
ของจอภาพได้ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดรำคาญใจในภายหลัง โดยข้อดีต่างๆ ของจอภาพ LCD ก็คือ

- มีขนาดเล็กและบาง ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้งานมากกว่า
- กินไฟน้อยกว่า
- สบายตากว่าเพราะภาพไม่มีการ Flicker
- (บางรุ่น) หมุนแสดงผลแนวตั้งได้
- น้ำหนักเบาและสามารถแขวนติดฝาผนังได้
- รูปภาพไม่มีการเสียรูปทรง
- ใช้งานพื้นที่เต็มขนาดจอภาพ
- ไม่มีคลื่นรบกวนจากอุปกรณ์รอบข้างโดยเฉพาะลำโพง

ส่วนข้อเสียก็มีเช่นกันคือ

- มีมุมองที่จำกัดทั้งในแนวตั้งและแนวนอน
- ความคมชัดจะเปลี่ยนไปตามมุมมอง
- (ในขนาดที่เท่าๆ กับจอ CRT) จะมีราคาสูงกว่า
- (ส่วนใหญ่) มีเงาดำเมื่อภาพเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
- ความละเอียดที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานมีเพียงค่าเดียว



2. ขนาดและความละเอียด

จอภาพ LCD แต่ละขนาดจะถูกออกแบบมา โดยให้มีค่าความละเอียดที่เหมาะสมและแสดงภาพได้อย่างชัดเจนเพียงแค่ค่าเดียว
เท่านั้นโดยจะสังเกตได้ว่าผู้ผลิตจะอ้างด้วยข้อความว่า Native Resolution
(จอภาพ CRT ส่วนใหญ่จะระบุด้วยคำว่า ความละเอียดสูงสุด) เช่นจอภาพขนาด 17 นิ้วที่ส่วนใหญ่จะมีความละเอียด 1,280x1,024 พิกเซลหรือขนาด 15 นิ้วที่มีความละเอียด
1,024x768 พิกเซล ดังนั้นคุณจึงควรตรวจสอบความละเอียดที่จอภาพระบุด้วยว่าเพียงพอต่อความต้องการ
หรือไม่ เพราะคุณจะไม่สามารถใช้ความละเอียดอื่นได้ หากต้องการภาพที่มีความชัดเจน

3. ความสว่าง

จอภาพที่ผู้ผลิตอ้างว่ามีความสว่างสูงจะเป็นหลักประกันได้ดีกว่าว่า
คุณสามารถนำจอภาพ LCD ไปใช้งานได้ในทุกๆ ที่โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของสภาพแสงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่โล่งที่มีความสว่างมากๆ อย่างเช่นบนสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งจอภาพที่มีความสว่าง 300Cd/m2
(แคนเดลาร์ต่อตารางเมตรหรือ nits) จะแสดงภาพได้ชัดเจนกว่าและทำให้ไม่ต้องเพ่งมองเหมือนกับจอภาพที่มีความสว่าง
เพียง 175Cd/m2 แต่สำหรับการใช้งานภายในบ้าน ที่ทำงานความสว่างสูงๆ
นี้ก็ไม่ได้จำเป็นเสมอไป

4. จุดเสีย (Dead Pixels)

ข้อบกพร่องของจอภาพที่พบได้เป็นประจำก็คือ การมีผลึกเซลล์ที่มีหน้าที่สร้าง
จุดสีมีสถานะเป็น ON หรือ OFF แบบถาวรแทนที่จะมีสถานะที่เปลี่ยนไปตามสัญญาณภาพที่ส่งมาแสดงที่หน้าจอ ซึ่งจุดเสียนี้จะเห็นเป็นจุดสีขาวสว่างๆ (หรืออาจเป็นจุดสีดำก็ได้) ดังนั้นก่อนที่คุณจะซื้อให้สอบถามถึงเงื่อนไขการรับประกันและการเปลี่ยนจอภาพใหม่
ให้แทนในกรณีที่จอภาพนั้นๆ มีจุดเสียเกิดขึ้น และถ้าเป็นไปได้ก็ควรตรวจสอบดูก่อน ซึ่งวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุดก็คือ การเปิดภาพหรือโปรแกรมใดๆ ก็ได้ที่ทำให้จอภาพแสดงสีขาวได้ทั่วทั้งจอภาพ แล้วจากนั้นให้เปลี่ยนจอเปลี่ยน
ไปแสดงสีดำแทน ซึ่งถ้าจอภาพมีจุดเสียอยู่คุณก็จะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

5. อัตราคอนทราสต์และมุมมอง

ถ้าคุณเลือกจอภาพ LCD ก็ให้ยอมรับกับข้อด้อยในเรื่องมุมมองก่อน แต่ถ้าทำใจลำบากก็ให้คุณตรวจสอบจากหน้าเว็บไซต์ของผู้ผลิตดูก่อนว่า จอภาพนั้นมีมุมมองที่กว้างมากพอทั้งในแนวตั้งและแนวนอนหรืออย่างน้อยที่สุด 120 องศาและถ้าเป็นไปได้ก่อนที่คุณจะซื้อให้ทดสอบด้วยการมองด้วยตาเปล่าในมุมต่างๆ แล้วแต่สถานที่จะอำนวย จากนั้นให้สังเกตดูว่าภาพที่เห็นนั้นยังคงมีความชัดเจนอยู่หรืออัตราคอนทราสต์ของ
ภาพยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้จริงๆ

6. ความเร็วในการตอบสนอง

คุณสมบัติเฉพาะของจอภาพ LCD ข้อนี้หมายถึงเวลาที่จุดพิกเซลใช้ในการ
เปลี่ยนสถานะ (ON/OFF) หรือถ้าให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือเวลาที่จุดพิกเซลหนึ่งๆ ใช้ในการเปลี่ยนจากการแสดงสีดำเป็นสีขาว ซึ่งหลายๆ คนน้ำตาตกมาแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ซื้อจอภาพ LCD มาเล่นเกมสามมิติหรือการแสดงผลในลักษณะอื่นที่ภาพมีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว โดยในจอภาพที่มีความเร็วในการตอบสนองที่ไม่เร็วพอนั้น ภาพที่ได้จะมีลักษณะที่เป็นเงาดำหรือที่เรียกว่า Ghosting เกิดขึ้นตามมาพร้อมกับภาพด้วย ดังนั้นคุณควรเลือกจอภาพที่มีความเร็วสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้คือ อย่างน้อย 16 มิลลิวินาทีหากคุณต้องการนำมาใช้งานในลักษณะดังกล่าว





7. การปรับ หมุนและแสดงผลในแนวตั้ง

ความสามารถพิเศษของจอภาพ LCD ที่หาไม่ได้จากจอภาพแบบ CRT ก็คือ การหมุนแสดงผลในแนวตั้งซึ่งการแสดงผลลักษณะนี้จะทำให้คุณสามารถแสดง
หน้าเอกสารต่างๆ หรือหน้าเว็บไซต์ทั้งหน้าได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องคลิกปุ่มเลื่อนขึ้นลง
แต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ดีคุณสมบัตินี้จะมีเฉพาะจอภาพบางรุ่นที่ออกแบบมาโดย
เฉพาะเท่านั้น นอกจากนั้นคุณควรตรวจสอบก่อนด้วยว่า หลังจากที่หมุนแล้วจอภาพมีระบบล็อคที่แน่นหนา ไม่แกว่งไปแกว่งมาและที่สำคัญคุณยังปรับระยะก้มเงยลักษณะต่างๆ
ได้โดยที่ไม่มีการติดขัดใดๆ

8. ระบบการควบคุม

แม้ว่าจอภาพจะถูกตั้งค่ามาอย่างเหมาะสมแล้ว แต่ก็บ่อยครั้งที่คุณจำเป็นต้องปรับแต่งเพิ่มเติมดังนั้น นอกจากระบบอัตโนมัติสำหรับการใช้งานในลักษณะต่างๆ ที่มีให้แล้ว จอภาพควรมีระบบควบคุมที่ใช้งานได้สะดวกด้วยหรืออย่างน้อยปุ่มปรับค่าต่างๆ ก็ควรอยู่ตำแหน่งที่เหมาะสมและเข้าถึงได้ง่าย เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว คุณจะรู้สึกหงุดหงิดมากทีเดียวเมื่อต้องการปรับค่าแต่ละครั้งแม้ว่า
จะต้องการเพียงแค่เพิ่มความสว่างก็ตาม

9. พอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อ

การเชื่อมต่อและแสดงผลโดยใช้สัญญาณภาพในระบบดิจิตอลนั้นจะให้ภาพ
ที่มีคุณภาพสูงกว่าอนาล็อกทั่วไป ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าจอภาพ LCD ที่คุณเลือกทำได้ให้ตรวจสอบด้วยว่านอกจากพอร์ต D-Sub แล้วจอภาพยังม
ีพอร์ต DVI ให้มาด้วย แต่อย่างไรก็ดีหากการ์ดแสดงผลที่คุณใช้ไม่มีพอร์ต DVI-I ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะเลือกใช้จอภาพ LCD ที่มีพอร์ตสำหรับสัญญาณดิจิตอลเช่นนี้

10. การรับประกันจากผู้ขาย

เนื่องจากจอภาพ LCD นั้นไม่แข็งแรงเหมือนกับจอภาพ CRT ดังนั้นคุณควรพิจารณาด้วยว่าจอภาพมีอายุการรับประกันที่นานพอ รวมถึงการส่งซ่อมในกรณีฉุกเฉินและตรวจสอบการเปลี่ยนอะไหล่สำคัญๆ
อย่างเช่นหลอดไฟ Backlight สำหรับการใช้งานในระยะยาวด้วย

เครดิต
http://www.ramintra.com/modules.php?nam … amp;sid=71

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

คาถาวิเศษ สั่ง Nero ไรด์เเผ่นให้ได้ 830 เมก เต็มๆ

+++ คาถาวิเศษ สั่ง Nero ไรด์เเผ่นให้ได้ 830 เมก เต็มๆๆๆ +++

ง่ายมากครับ ลองดูได้ครับ

ปล. แผ่น CD-R 700MB/80Min หมายถึงแผ่น cdr ที่ไรท์ข้อมูลลงไป(โดยเครื่องไรท์ทั่วๆไปที่ผลิตอยู่ในมาตราฐานหรือเรียก ว่าเครื่องที่มีคุณภาพดี) โดยที่ข้มูลไม่เกิน 700MB โอกาสทีจะเกิดแผ่นเสีย จะน้อยกว่า 1%
หากเราพยายามที่จะไรท์ ข้อมูลให้ได้มากกว่า 700 %ที่จะเกิดข้อผิดพลาด(แผ่นเสีย)จะสูงมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ คุณภาพของแผ่น(ยี่ห้อ), สภาพผิวของแผ่น ,สภาพของหัวlaser ,สภาพของ len , มาตราฐานเครื่องไรท์ ฯลฯ รวมถึงประสิทธิภาพของ โปรแกรมที่ใช้ไรท์
ที่เรากำลังทำอยู่นี่ คือการพยายาม ทำอะไรที่ทะลุขีดจำกัดมาตราฐาน โอกาสเกิดข้อผิดพลาดย่อมมีมากกว่าปกติ(ของผมไรท์ปกติไม่เกิน 700 ใช้แผ่น princo ขาว cdrom ของ asus ใน 100 แผ่น ยังมีเสีย 2-3แผ่น)

สิ่งที่นำเสนอนี้ไม่ใช่มาตราฐานใหม่ เพียงแต่เป็นแนวทางให้เลือกหากมีความจำเป็นที่จะต้องทำ
ดังนั้นหากจะทำการแหกมาตราฐาน แนะนำว่าให้ใช แผ่น cdr ที่มียี่ห้อหน่อย เลือกไดรว์ cdrom ที่มีคุณภาพ โอกาสแผ่นเสียจะลดลงครับ

+++ วิธีทำ +++

1.เปิด โปรแกรม Nero Express
2.คลิก More เลือก Configure
3.General => status bar : yellow marker ใส่เป็น 80 : red marker ใส่เป็น 99
4. กด Apply => OK.
5. Expert Features => เลือกเครื่องหมายถูก หน้า Enable overburn Disk- at- once
6. ตรง Maximum CD size : ใส่ 99 (min)
7. กด Apply => OK.
8. เลือก File ที่ต้องการ Burn => finished => next
9. กด More ตรง Write Method เลือก Disk-at-once
10. Burn
11. จะมี ข้อความขึ้นมาหน้าจอ ถามว่า Over Burn Writing
Prevention better than cure
เลือก Write Overburn Disc
12. รอ จนมีข้อความ completed successfully


www.oknation.net

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

ใครเหมือนคุณ หรือคุณเหมือนใคร !!!

วันนี้เรามีเว็บไซต์ ที่บอกว่าคนหน้าตาเหมือนดาราคนใดในโลกนี้มาฝากครับ
http://celebrity.myheritage.com/FP/Company/try-face-recognition.php?lang=TH << กดตามลิ้ง
หน้าแรกให้เราเลือกรูปของเรามา 1 รูป แล้วก็ทำการอัพโหลด


รอการประมวลผลและเปรียบเทียบภาพ


สุดท้ายจะได้ภาพเรากับภาพดารา คนดัง ต่างๆ ที่มีหน้าตาคล้านกับตัวเรา
ลองกับภาพของคุณและเพื่อนได้ตามต้องการ ดูซิว่าคุณจะเป็นใคร

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Firefox: ลบ History บางรายการแบบทันใจ

ตามปกติส่วนใหญ่ เวลาเราจะล้าง (clear) ประวัติการเยี่ยมชมเว็บไซต์ (History) ให้หมดภายในคราวเดียวก็ทำได้ง่ายๆ แต่ถ้าคุณต้องการลบทิ้งเพียงบางรายการเท่านั้น จะต้องนั่งไล่ลบไปทีละรายการอย่างนั้นหรือ?

วันนี้เรามีวิธีเจ๋งๆที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน สำหรับผู้ใช้ Firefox มาฝากครับ

  1. เปิดบราวเซอร์ไฟร์ฟอกซ์ ขึ้นมาก่อน
  2. เลือก History > Show All History หรือเพียงกด Ctrl+Shift+H
  3. พิมพ์ชื่อเว็บที่ต้องการลบให้สิ้นซาก ในช่อง Search History



  4. จากนั้นจะปรากฎรายชื่อเว็บที่หาเจอ โผล่ขึ้นมามากมาย ให้เลือกมาซัก 1 รายการ แล้วคลิกขวาที่รายการนั้น แล้วคลิก Forget About This Site



  5. เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ...ง่ายมากๆๆ
ที่มา : www.arip.co.th